วันพฤหัสบดีที่ 30 กรกฎาคม พ.ศ. 2552

ทัศนศึกษาดูงานโรงเรียนต้นแบบส่งเสริมรักการอ่านและห้องสมุดมีชีวิต

พิมพ์ อีเมล

...สำนักงานเขตพื้นที่การศึกษาบุรีรัมย์ เขต 4 จัดทัศนศึกษาดูงานโรงเรียนต้นแบบส่งเสริมรักการอ่านและห้องสมุดมีชีวิต เพื่อนำเอาความรู้และประสบการณ์ตรงได้รับมาประยุกต์ใช้พัฒนาการจัดกิจกรรม ส่งเสริมนิสัยรักการอ่านและห้องสมุด ระหว่างวันที่ 23-25 กรกฎาคม 2552 ณ โรงเรียนพลิ้วและโรงเรียนวัดตะปอนน้อย สพท.จันทบุรี เขต 2 ผู้ที่เข้าร่วมตามโครงการดังกล่าวเป็นผู้บริหารหรือบรรณารักษ์โรงเรียนที่ ได้รับกาีรคัดเลือกในระดับกลุ่มโรงเรียนที่มีความพร้อมที่จะพัฒนาเป็นต้นแบบ โรงเรียนละ 1 คน รวมทั้งสิ้น 50 คน นำโดย รองผอ.ทองสุก เกลี้ยงพร้อมและ มีศน.อำนวย พุทธชาติ เป็นผู้รับผิดชอบโครงการ

ภาพกิจกรรม



ศึกษาดูงานร.ร.พลิ้ว อ.แหลมสิงห์ สพท.จันทบุรี เขต 2

คณะครูที่ร่วมศึกษาดูงาน (ใครเป็นใครคงคุ้นหน้ากัน)

อ.นวลฉวี วงษ์สมบัติ ร.ร.บ้านกระสัง

ถ่ายรูปไว้เป็นที่ระลึก ร่วมกับผอ.ภัทรีญา หงษ์ศิริ

ผู้บริหารสังกัดสพท.บร.4

รองผอ.ทองสุก เกลี้ยงพร้อม มอบของที่ระลึกโดย ผอ.ร.ร.รับมอบ

ศึกษาป่าชายเลน อ่าวคุ้งกระเบน อ.ท่าใหม่

ศึกษาป่าชายเลน อ่าวคุ้งกระเบน อ.ท่าใหม่

ร.ร.วัดตะปอนน้อย อ.ขลุง จ.จันทบุรี

สมาชิกชมรม ICT 572

ฟังคำบรรยายการนำเสนองาน

ห้องสมุดของโรงรียน

ชมการแสดงปลาโลมาที่โอเอซีส ซีเวิลด์ อ.แหลมสิงห์

ชมการแสดงปลาโลมาที่โอเอซีสซีเวิลด์ อ.แหลมสิงห์

ข่าว /ภาพ : อ.นวลฉวี วงษ์สมบัติ/อ.กุลธิดา อุ่นคำ (สมาชิกชมรม ICT572)

ศธ.ชง ครม.ส่งเสริมการอ่านเป็นวาระแห่งชาติ

ศธ.ชง ครม.ส่งเสริมการอ่านเป็นวาระแห่งชาติ

ศธ.เตรียมชง ครม.ส่งเสริมการอ่านเป็นวาระแห่งชาติ ให้ 2 เม.ย.เป็นวันรักการอ่าน ให้ปี 2552-2561 เป็นทศวรรษแห่งการอ่าน ด้าน “ว.วชิรเมธี” เสนอกำหนดทศวรรษการอ่านเมื่อเปลี่ยนรัฐบาลจะต้องสานต่อ ระบุอ่านหนังสือดี สำคัญกว่าภาษาวิบัติ

นายจุรินทร์ ลักษณวิศิษฏ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษาธิการ เป็นประธานการประชุมคณะกรรมการส่งเสริมการอ่าน เพื่อสร้างสังคมแห่งการเรียนรู้ตลอดชีวิต กล่าวว่า จากการประชุมได้สรุปว่า จะนำเสนอเข้าสู่ที่ประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) โดยจะกำหนดให้การอ่านเป็นวาระแห่งชาคติ กำหนดให้วันที่ 2 เม.ย. เป็นวันรักการอ่าน และกำหนดให้ปี 2552 ถึง 2561 เป็นทศวรรษแห่งการอ่านของประเทศ ซึ่งคณะกรรมการชุดนี้จะเป็นกลไกขับเคลื่อนการส่งเสริมการอ่านอย่างเป็นรูป ธรรมต่อไป

นายจุรินทร์กล่าวว่า ถัดจากนี้ไปจะต้องมีการกำหนดยุทธศาสตร์ที่ต้องดำเนินการออกเป็น 3.ส่วน ยุทธศาสตร์ที่ 1.เพิ่มขีดความสามารถทางด้านการอ่าน 2.ยุทธศาสตร์สร้างนิสัยรักการอ่าน 3.ยุทธศาสตร์เป็นการสร้างบรรยากาศและสิ่งแวดล้อมแห่งส่งเสริมการอ่าน ทั้ง 3 ยุทธศาสตร์จะมีรายละเอียดและแผนการปฎิบัติออกมาในภายหลัง ยกตัวอย่างเช่น โครงการรณรงค์ให้ประชาชนให้ความสนใจการอ่านเรื่องใกล้ตัว “ส่งเสริมการอ่านเพื่อชีวิต” เช่น การอ่านฉลากสินค้า อุปโภคบริโภค เป็นเรื่องใกล้ตัวและเป็นเรื่องสำคัญ การรณรงค์ให้เด็กที่อยู่ในวัยเรียนสนใจเรื่องการอ่านมากขึ้นช่วงปิดภาคเรียน ภายใต้โครงการ Summer read โดยให้เด็กอ่านหนังสือตามความชอบ

ส่วน เป้าหมายสำคัญเราต้องการมุ่งเน้นส่งเสริมให้คนไทยได้เริ่มอ่านหนังสือ แต่วัยเด็ก เพราะผลการสำรวจวิจัยพบว่าถ้ารักการอ่านตั้งแต่วัยเด็ก จะเป็นพฤติกรรมที่ติดตัวไปตลอดชีวิต แต่ประเด็นสำคัญจะต้องคิดค้นหาวิธีจูงใจว่าจะทำอย่างไรให้เด็กหันอ่าน หนังสือมากขึ้น มุ่งเน้นอ่านหนังสือที่เด็กชอบและตามความสนใจของแต่ละบุคคลพร้อมกันนี้ควร มีการสร้างแรงจูงใจ มีรางวัล หากอ่านได้ในระดับ ซึ่งจะมีการกำหนดเกณฑ์เอาไว้ ถ้าหากเด็กไทยหันมาอ่านหนังสือมากขึ้น จะเติบโตเป็นผู้ใหญ่ที่มีคุณภาพ และนำไปสู่การเปลี่ยนแปลงประเทศในทิศทางที่ดีขึ้น และเพิ่มขีดความสามารถของประเทศในอนาคต โดยเฉพาะ 10 ปีที่เราส่งเสริมให้เป็นทศวรรษในการอ่าน

นอกจากพัฒนาแหล่ง เรียนรู้ ห้องสมุด 3 ดี ห้องสมุด 3 ดีสัญจร การพัฒนาสื่อที่มีคุณภาพ เช่นหนังสือดี หนังสือมีคุณภาพ สื่ออิเล็กทรอนิกส์ ตลอดจนการสร้างส่วนร่วมและมีเครือข่าย เพื่อส่งเสริมการอ่านให้เกิดขึ้นอย่างเป็นรูปธรรม เช่นชุมชนรักการอ่าน ชมรมรักการอ่าน ชุมชนนักอ่าน ภาคีเครือข่าย HOPE หรือ (HOME, OFFICE,PUBLIC,EDUCATIONAL INSTITUTION) คือ บ้าน ที่ทำงาน ที่สาธารณะ และสถานศึกษา ที่จะต้องสร้างบรรยากาศส่งเสริมรักการอ่าน และร่วมมือกัน สำหรับงบประมาณจะมีทั้งกระทรวงศึกษาธิการ และงบประมาณของหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง นอกจากนี้จะขอความร่วมมือจากภาคเอกชน เพราะต้องรณรงค์ในวงกว้าง ไม่เช่นนั้นจะเป็นวาระแห่งชาติไม่ได้

นาย จุรินทร์กล่าวว่า ปัจจุบันอัตราการรู้หนังสือของคนไทย อยู่ในระดับที่ไม่ได้ต่ำเมื่อเปรียบเทียบกับประเทศอื่น อัตราการรู้หนังสือของไทย 92.64% และอัตราการเข้าเรียนต่อถือว่าใช้ได้ แต่ประเด็นปัญหาคนไทย อ่านหนังสือน้อย

ด้าน พระมหาวุฒิชัย (ว.วชิรเมธี ) กล่าวว่า อาตมาเสนอต่อที่ประชุมให้รัฐบาลส่งเสริมให้เกิดทศวรรษแห่งการอ่าน เพื่อทำให้ประเทศไทยมีวัฒนธรรมการอ่านที่เข้มแข็ง เดิมมีการส่งเสริมเป็นวาระแห่งชาติ หรือปีแห่งการอ่าน พอเปลี่ยนรัฐบาลทีไรก็ไม่มีใครสนใจ จึงเสนอให้ดำเนินการอย่างต่อเนื่องให้เป็นวาระผูกพัน ไม่ว่าใครมาเป็นรัฐบาล จะต้องทำการอ่านของคนไทยให้เป็นวัฒนธรรมให้ได้

“หาก คนไทยรักการอ่าน ความสามารถในการใช้ภาษาไทยจะเพิ่มพูนขึ้นโดยอัตโนมัติ เมื่ออ่านหนังสือหลายประเภท ก็จะเรียนรู้วิธีใช้ภาษาไทยให้ไพเราะ แต่ต้องอ่านหนังสือที่ใช้ภาษาไทยได้ดีด้วย อย่างไรก็ตาม เราต้องยอมรับว่าภาษามีวิวัฒนาการ เช่น คำว่า “ชู้” พัฒนาเป็น “กิ๊ก” เป็น “กั๊ก” และก็เห็นว่าพัฒนาเป็น “ควิก” อย่าเพิ่งตกใจถ้าภาษาจะวิวัฒนาการไปเรื่อยๆ การอ่านหนังสือที่ดี สำคัญยิ่งกว่าการเป็นห่วงว่าภาษาไทยจะวิบัติ อย่าลืมว่าภาษาเป็นเครื่องมือสื่อสาร ถ้าสื่อสารสัมฤทธิผลแสดงว่าใช้ได้”พระมหาวุฒิชัย กล่าว

ที่มา - ASTVผู้จัดการออนไลน์ 29 กรกฎาคม 2552 15:44 น

วันอังคารที่ 28 กรกฎาคม พ.ศ. 2552

อุดมการณ์ งาน และความหวัง

ภายใต้ร่มเงาของ สพท.บร. 4 ที่ซึ่งคนจากหลายอำเภอมารวมกัน ผมเชื่อว่า ด้วยความดีงาม อุดมการณ์ เราสามารถสร้าง สพท.บร.4 ที่เปี่ยมไปด้วยความหวังมากกว่านี้ได้ ความหวังคือสิ่งซึ่งอยู่ในใจของเราที่จะยืนหยัดว่า ไม่ว่าสภาพแวดล้อมที่เราเห็นจะเป็นอย่างไร ยังมีบางอย่างที่ดีกว่ารอเราอยู่ ถ้าเรากล้าที่จะไขว่คว้า บากบั่นและต่อสู้เพื่อให้ได้สิ่งนั้นมา

ถึงเวลาแล้วที่เราจะมองข้ามการเลือกข้าง ความแตกแยก และมุ่งสร้างจุดร่วม และแนวทางแก้ปัญหา ที่เป็นไปได้จริง ถึงเวลาแล้วที่จะตอกย้ำศรัทธาของเราในคุณค่าของการทำงานหนัก การเสียสละ ความเป็นธรรมและโอกาสที่เสมอภาคสำหรับทุกคน

สิ่งที่ผมตระหนักดีก็คือ ชีวิตไม่มีค่าหากเราไม่ยินดีทำสิ่งเล็กๆ ในส่วนของเราไว้ เพื่อการศึกษาที่ดีขึ้น สำหรับลูกหลานของเราในอนาคต แม้จะเป็นเรื่องยาก แม้ภาระนี้จะใหญ่หลวง แต่สิ่งที่คอยนำทางให้เรา คือความศรัทธา ในพลังของเรา ถ้าเราทำงานร่วมกันภายใต้พันธสัญญาที่เราต่างมีส่วนร่วม และจิตวิญญาณที่ัมั่่นคง...ด้วยความเชื่อมั่นว่า...เราทำได้

คาราวะจากใจ

อำนวย พุทธชาติ


ห้่องสมุด 3 ดี



ดี 1 หนังสือและสื่อการเรียนรู้ดีี
ด ี2 บรรยากาศและสถานที่ดี
ดี 3 บรรณารักษ์และกิจกรรมดี
คลิ๊กดูรายละเอียดhttp://school.obec.go.th/techno/firt_sp2/